
โทงเทง
โทงเทง ชื่อสามัญ Hogweed, Ground Cherry โทงเทง ชื่อวิทยาศาสตร์ Physalis angulata L.[1], Physalis pubescens L. Var[2] (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Physalis esquirolii H. Léveillé & Vaniot.[3])
จัดอยู่ในวงศ์ SOLANACEAE[1],[4] สมุนไพรโทงเทง ยังมีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ อีกว่า ต้อมต๊อก บาตอมต๊อก[1] บาต้อมต๊อก[3] (เชียงใหม่), ปิงเป้ง (หนองคาย), ปุงปิง (ปัตตานี), ชาผ่อเหมาะ (กะเหรี่ยงแดง), จะเก๊าหลือ (ม้ง), ตะเงหลั่งเช้า (จีน), ขู่จี๋ หวงกูเหนียง (จีนกลาง), โคมจีน เป็นต้น[1],[2],[3],[4],[5]
หมายเหตุ : โทงเทงในบทความนี้เป็นคนละชนิดกันกับต้นโทงเทงที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Physalis minima L.[3]
ลักษณะของโทงเทง
ต้นโทงเทง มีเขตการกระจายพันธุ์กว้าง พบขึ้นเป็นวัชพืชทั่วโลก โดยจัดเป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก มีความสูงของต้นประมาณ 30-100 เมตร ลำต้นแตกกิ่งจำนวนมากจนเป็นพุ่ม กิ่งเป็นเหลี่ยม ตามข้อมีขนเล็กน้อย ลำต้นอวบน้ำเปลือกเกลี้ยงเป็นสีเขียว ส่วนโคนของลำต้นเป็นสีม่วงแดงและค่อยๆ จางไปถึงปลายยอด ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ในประเทศไทยพบพรรณไม้ชนิดนี้ได้มากทางภาคเหนือ บริเวณป่าเปิดและที่ชุ่มชื้นทั่วไป ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 1,000 เมตร[1],[2],[3],[4],[6]ใบโทงเทง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปรี รูปไข่ หรือเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบแหลมหรือแหลมยาว โคนใบเป็นรูปลิ่มหรือมน แต่บางครั้งเบี้ยว ส่วนขอบใบเรียบหรือเป็นหยักซี่ฟันห่างๆ และบางครั้งก็ดูคล้ายเป็นพูตื้นๆ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2-3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-6 เซนติเมตร หลังใบเป็นสีเขียว ท้องใบมีขน มีเส้นแขนงใบประมาณ 5-7 คู่ ส่วนก้านใบยาวประมาณ 1-3 เซนติเมตร[1],[3],[4]
ดอกโทงเทง ออกดอกเดี่ยวๆ ตามซอกใบ ก้านดอกมีความยาวได้ประมาณ 1 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงดอกยาวประมาณ 4-5 มิลลิเมตร แฉกลึกประมาณกึ่งหนึ่ง มีขนกระจาย มีเส้นกลีบเป็นสีเข้ม ส่วนกลีบดอกมีลักษณะเป็นรูประฆัง บานคล้ายรูปกงล้อ เป็นสีเหลืองอ่อน เหลืองอ่อนแกมเขียว หรือเป็นสีขาว มีจุดสีน้ำตาลเรียงเป็นวงใกล้กับโคนกลีบดอกด้านใน ผิวกลีบมีขนกระจายด้านนอก ส่วนด้านในมีขนยาวที่โคน หลอดกลีบดอกยาวประมาณ 4-8 มิลลิเมตร ปลายเป็นแฉกตื้นๆ ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม มีขนาดยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร ก้านเกสรเพศผู้หนาเป็นสีน้ำตาลอมสีเขียว ยาวเท่ากัน ยาวประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ส่วนอับเรณูเป็นรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร เรณูเป็นสีเทา ส่วนรังไข่เป็นรีกลม ยาวประมาณ 1.5 มิลลิเมตร และก้านเกสรเพศเมียยาวเท่ากับก้านเกสเพศผู้หรืออาจยาวกว่าเล็กน้อย ยอดเกสรเป็นตุ่มๆ หยักเป็นพู 2 พู สีเขียว โดยจะออกในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม[1],[3],[6]
ผลโทงเทง ผลมีกลีบเลี้ยงที่ขยายหุ้มจนมิดผล มีลักษณะบาง มีสัน 10 สัน ตรงสันมีเส้นสีม่วงตามยาว ผิวเป็นเส้นแบบร่างแห ลักษณะของผลภายในเป็นรูปรีเกือบกลม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2 เซนติเมตร ผลอ่อนกลมใสเป็นสีเขียวอ่อน เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ภายในผลมีเมล็ดจำนวนมาก ส่วนเมล็ดมีลักษณะกลมแบน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.2-0.3 มิลลิเมตร เมล็ดมีเมือกหุ้มคล้ายกับมะเขือเทศจำนวนมาก โดยจะติดผลในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม[1],[3],[4],[6]
สรรพคุณของโทงเทง
- ทั้งต้นมีรสขม เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ต่อปอด ตับ และทางเดินปัสสาวะ ใช้เป็นยาดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ (ทั้งต้น)[2]
- รากใช้ต้มกับน้ำรับประทานวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น เป็นยารักษาโรคเบาหวาน (ราก)[4]
- ต้นตลอดจนถึงราก มีสรรพคุณเป็นยาแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ (ทั้งต้น)[1]
- ใช้รักษาคางทูม (ทั้งต้น)[2]
- ใช้แก้หวัดแดด ไอร้อนในปอด (ทั้งต้น)[2]
- ทั้งต้นใช้เป็นยารักษาโรคหอบหืด ด้วยการใช้ทั้งต้นแห้ง 1/2 กิโลกรัม นำมาต้มกับน้ำ เติมน้ำตาลกรวดลงไปเพิ่มความหวานเล็กน้อย โดยให้รับประทานหลังอาหารครั้งละ 1/4 ถ้วยแก้ว วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกัน 10 วัน และให้หยุดยา 3 วัน หลังจากนั้นให้รับประทานต่อไปอีก 10 วัน แล้วก็พักอีก 3 วัน แล้วค่อยรับประทานต่อไปอีก 10 วัน อาการของหอบหืดจะดีขึ้น (ทั้งต้น)[4]
- ทั้งต้นมีสรรพคุณช่วยรักษาไอหืดเรื้อรัง (ทั้งต้น)[4]
- ช่วยแก้เหงือกบวม ด้วยการใช้โทงเทง 25 กรัม นำมาต้มกับน้ำ ใช้เป็นยาอมกลั้วคอบ้วนปาก (ทั้งต้น)[2]
- ใช้เป็นยารักษาแผลในปาก ด้วยการใช้เยื่อหุ้มผลแห้งที่ที่อาเมล็ดออกแล้วหนัก 10 กรัม และเปลือกส้ม 6 กรัม นำมาต้มกับน้ำผสมน้ำตาลกรวดให้พอหวานเล็กน้อย แล้วใช้ดื่มต่างน้ำ (เยื่อหุ้มผลแห้งที่เอาเมล็ดออกแล้ว)[4]
- ช่วยแก้อาการเจ็บคอ ด้วยการใช้โทงเทง 25 กรัม นำมาต้มกับน้ำ ใช้เป็นยาอมกลั้วคอบ้วนปาก (ทั้งต้น)[1],[2],[4]
- ใช้คออักเสบ แก้ต่อมน้ำลายอักเสบ หรือต่อมทอนซิลอักเสบ ด้วยการใช้ทั้งต้นนำมาตำละลายกับเหล้า ใช้สำลีชุมน้ำยาอมไว้ข้างแก้ม แล้วกลืนน้ำผ่านลำคอทีละน้อย จะช่วยแก้ต่อมน้ำลายอักเสบ หรือจะละลายกับน้ำส้มสายชูก็ได้ จะช่วยแก้อาการอักเสบในลำคอได้ดีมาก (ทั้งต้น)[1],[4]
- ช่วยรักษาโรคคอตีบ (ทั้งต้น)[1]
- ช่วยแก้ฝีในคอ ด้วยการใช้ทั้งต้นนำมาตำละลายกับเหล้า ใช้สำลีชุบน้ำอมไว้ข้างแก้ม แล้วค่อยๆ กลืนน้ำผ่านลำคอทีละน้อย (ทั้งต้น)[1],[4]
- ใช้แก้เสมหะเป็นสีเหลือง (ทั้งต้น)[2]
- ทั้งต้นใช้เป็นยาแก้หลอดลมอักเสบ โดยใช้ต้นสด 150 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทานวันละ 3 ครั้ง ติดต่อกัน 10 วัน (ทั้งต้น)[2]
- ใช้ทั้งต้นเป็นยาแก้บิด ด้วยการใช้โทงเทง 35 กรัม นำมาต้มรับประทานวันละ 2 ครั้ง โดยให้รับประทานติดต่อกันเป็นเวลา 1-4 วัน (ทั้งต้น)[2]
- รากใช้เป็นยาขับพยาธิ (ราก)[4]
- ทั้งต้นมีสรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะแสบร้อน (ทั้งต้น)[2]
- ช่วยแก้ปัสสาวะเป็นเลือด (ทั้งต้น)[1]
- ช่วยแก้ลูกอัณฑะร้อน (ทั้งต้น)[1]
- เมล็ดใช้เป็นยาแก้การเป็นหมัน (เมล็ด)[8]
- ทั้งต้นใช้ลดอาการบวมน้ำ (ทั้งต้น)[2]
- ช่วยรักษาดีซ่าน (ทั้งต้น)[4]
- ช่วยรักษาโรคผิวหนัง (ทั้งต้น)[1] ช่วยรักษาผิวหนังเป็นตุ่มหอง (ทั้งต้น)[7]
- ทั้งต้นใช้ภายนอกเป็นยาแก้ฝี แก้ฝีหนอง (ทั้งต้น)[1],[2] บ้างว่าใช้ใบและผลเป็นยารักษาฝี (ใบ,ผล)[8]
- ทั้งต้นใช้รักษาแผลมีหนอง (ทั้งต้น)[4] บ้างว่าใช้ใบและผลทำเป็นยาทาแก้แผลเปื่อย (ใบ,ผล)[8]
- ช่วยแก้อาการฟกบวม อักเสบ (ทั้งต้น)[1]
- ทั้งต้นใช้เป็นยาแก้เล็บขบ (ทั้งต้น)[2]
วิธีใช้สมุนไพรโทงเทง
- การใช้ตาม [2] ถ้าเป็นยาแห้ง ให้ใช้ครั้งละ 15-35 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรืออาจใช้ร่วมกับตายาชนิดอื่นๆ ในตำรับยาก็ได้ ตามต้องการ ส่วนต้นสดที่นำมาใช้ภายนอก ให้ใช้ตำพอกฝีหนอง หรือจะใช้ต้นสดนำมาต้มกับน้ำ ใช้ไอน้ำอบผิว หรือใช้น้ำต้มล้างแผลก็ได้[2]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของโทงเทง
- ทั้งต้นของโทงเทงพบว่ามีสาร Physaline[2]
- ในเมล็ดโทงเทงพบว่ามีน้ำมัน 21% ซึ่งในน้ำมันพบว่ามีสาร Linoleic acid, Oleic acid[2]
- เมื่อใช้ทั้งต้นนำมาสกัดทำเป็นยาแก้ไอ ให้ผู้ป่วยที่โรคหลอดลมอักเสบจำนวน 36 คน รับประทาน พบว่าผลการรักษาผู้ป่วยหายดี ประสิทธิภาพในการรักษาคิดเป็น 67%[2]
- จากการทดสอบใช้เทง 35 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทานวันละ 2 ครั้ง ใช้รับประทานติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1-4 วัน จากการรักษาผู้ป่วยจำนวน 100 คน พบว่ามีผู้ป่วยหายดีจำนวน 95 คน[2]
ประโยชน์ของโทงเทง
- ผลสุกของโทงเทง สามารถนำมารับประทานได้ มีรสหวานเอียน (กะเหรี่ยงแดง)[5],[6]
- ผลนำมาเป่าลมเล่นแล้วจะทำให้แตกเป็นของเล่นเด็ก (ม้ง)[5]
ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรโทงเทง
- สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทานสมุนไพรชนิดนี้[2]
- การรับประทานสมุนไพรโทงเทงในช่วง 1-5 วันแรก บางคนอาจมีอาการเวียนศีรษะ นอนไม่หลีบ อึดอัด หงุดหงิด หลังจากนั้นอาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายไปเอง[4]
อ้างอิงข้อมูล
- หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “โทงเทง (Thong Theng)“. หน้า 148.
- หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “โทงเทง”. หน้า 282.
- สำนักงานหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. “โทงเทง“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: web3.dnp.go.th/botany/. [24 มี.ค. 2014].
- สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “โทงเทง“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [24 มี.ค. 2014].
- โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยาชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “โทงเทง“. อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [24 มี.ค. 2014].
- หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 5. (วีระชัย ณ นคร,). “โทงเทง“.
- สวนพฤกษศาสตร์สายยาไทย. “โทงเทง“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.saiyathai.com. [24 มี.ค. 2014].
- พืชสมุนไพร (Medicinal Plants), มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “โทงเทง“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.ku.ac.th/AgrInfo/plant/index.html. [24 มี.ค. 2014].
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by beautifulcataya, 翁明毅, Russell Cumming, Scamperdale, André Cardoso, Len Worthington, Foggy Forest)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น